สนุกสนานกับการดูกีฬาเบสบอลและเรื่องราวน่ารู้

สนุกสนานกับการดูกีฬาเบสบอลและเรื่องราวน่ารู้

เบสบอล (Baseball) เป็นกีฬาประเภททีมที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศโดยเฉพาะอเมริกาและญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีบรรยากาศการเชียร์ในสนามแข่งของผู้ชมอย่างสนุกสนานในการแข่งขันระดับเมเจอร์ลีกและมีรายละเอียดอื่นๆที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น ความสามารถเของผู้เล่นตำแหน่งต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยในครั้งนี้ก็มีเรื่องราวของกีฬาประเภทนี้มาให้รู้จักเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

 

ประวัติความเป็นมาของเบสบอล

สำหรับ ประวัติกีฬาเบสบอล ก็มีหลากหลายแง่มุมจากหลายๆ ประเทศแบ่งตามยุคสมัย ซึ่งในภาพรวมก็คือเริ่มจากการเกมการละเล่นในอังกฤษในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 เรียกว่า Rounders บ้างก็เรียกเกมค้างคาวและช่วงที่ผู้อพยพไปยังอเมริกาเหนือก็ได้นำเกมนี้ไปเผยแพร่จนถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เบสบอลได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นกีฬาประจำชาติของสหรัฐอเมริกาและความนิยมในเอเชียโดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นก็เริ่มหลังจากนั้น ราวปี ค..1872  ซึ่งก็ผ่านมาเกินกว่า 100 ปีแล้ว ส่วนในประเทศไทยก็มีการก่อตั้งสมาคมเบสบอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 และนี่ก็คือประวัติเบสบอล แบบคร่าวๆ จากอดีตถึงปัจจุบัน

 

กติกาเบสบอลเบื้องต้นที่ควรเรียนรู้ไว้

ถ้าจะดูเบสบอลให้สนุกหรือเรียนรู้เพื่อลองเล่นด้วยตัวเองก็ต้องทำความเข้าใจกติกาเบสบอล ที่ค่อนข้างซับซ้อนและเข้าใจยากพอสมควร แต่ก็สามารถศึกษากติกาพื้นฐานระดับเบื้องต้นที่ควรจะต้องรู้ไว้ 

เริ่มจาก ผู้เล่น 2 ทีม ทีมละ 9 คน อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้จัดการทีม โดยเล่นในสนามที่จัดไว้เฉพาะ 2 ทีมแบ่งเป็นทีมรุกและทีมรับ หลักการคือทีมรับจะขว้างลูกให้ทีมรุกตี ทีมรุกถ้าตีลูก “ดี” จนได้แต้ม แต้มก็จะเพิ่มไปเรื่อยๆ ดังนั้นทีมรับต้องหาทางป้องกันเพื่อให้ทีมรุกทำพลาดให้ได้

ตำแหน่งทีมรับจะมีหมายเลขซึ่งแสดงถึงตำแหน่งการยืนพร้อมชื่อตำแหน่ง ดังนี้

1 หรือ P คือ พิทเชอร์ (pitcher)

2 คือ แคทเชอร์ (Catcher)

3 คือ เฟิร์สเบส (First base)

4 คือ เซคั่นเบส (second base)

5 คือ เธิร์ดเบส (Third base)

6 คือ SS หรือ ชอร์ตสต็อป (Short Stop)

7 คือ LF หรือ เลฟท์ฟิลด์ (Left field)

8 คือ CF หรือ เซ็นเตอร์ฟิลด์ (Center field)

9 คือ RF หรือ ไรท์ฟิลด์ (Right field) 

นอกจากตำแหน่งที่ 1 กับ 2 ซึ่งทำหน้าที่หลักในเกมรับ ผู้เล่นที่เหลือตั้งแต่ตำแหน่งที่ 3- 9 จะเรียกว่าเป็นฟิลเดอร์ (Fielder ) ยืนอยู่ตามตำแหน่งของตัวเองในสนาม

สำหรับลำดับการตีของฝ่ายรุกบนสกอร์บอร์ดจะเรียงจากบนลงล่าง หรือจากซ้ายไปขวาขึ้นอยู่กับแต่ละสนามโดยผู้เล่นตัวจริงฝ่ายละ 9 คน จะสลับกันเป็นฝ่ายรุกและฝ่ายรับ ทีมเหย้าในสกอร์บอร์ดจะอยู่ด้านล่าง ทีมเยือนด้านบน ทีมเหย้าเริ่มจากเป็นฝ่ายรับก่อน ซึ่งเป้าหมายของทีมรุกและทีมรับจะดังนี้

-ทีมรับเป้าหมายคือป้องกันไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายบุกกลับโฮม (วนกลับมาที่จุดตี) และทำให้ฝ่ายรุก “เอาท์” ให้ได้ 3 คน

-ทีมรุก คือหาทางตีแล้ววิ่งกลับมาที่โฮมเบสให้ได้

เมื่อเริ่มเกม ทีมรุก ผู้เล่นถือไม้ตีมาทีละคน ทีมรับคือแคชเชอร์, พิชเชอร์, ผู้เล่นประจำเบส, ผู้เล่นป้องกันด้านหลัง รวมเป็น 9 คน  เมื่อสลับกันรุก-รับ 1 รอบ เรียกว่า 1 อินนิ่ง (inning) โดย 9 คนในสนามที่ใส่ถุงมือรอรับลูก จะเป็นฝ่ายรับ ส่วนฝ่ายที่ผลัดกันเข้ามาตี เป็นฝ่ายรุก โดยจะเข้ามาตีตามลำดับที่ระบุไว้ เมื่อตีแล้วก็พยายามวิ่งไปให้ครบ3 จุด จนวิ่งกลับมาที่เดิมตรงที่ยืนตี จะได้ 1 คะแนน ถ้าตีไปจนครบ 9 คนแล้วก็วนไปที่คนที่ 1 ใหม่ จนกว่าจะถูกทำให้เอาท์ 3 คน และเปลี่ยนเป็นฝ่ายรับ 

ทีมรับสามารถเปลี่ยนตำแหน่งการยืนได้ ในขณะที่การจัดลำดับตีของทีมรุกจะมีลักษณะตายตัวไม่สามารถเปลี่ยนลำดับได้ การเปลี่ยนผู้เล่นลงไปแทนก็จะเข้าไปอยู่ในลำดับตีของผู้เล่นคนเดิม สามารถเปลี่ยนตัวได้ตลอดเวลา แต่คนที่ถูกเปลี่ยนออกแล้วจะไม่สามารถกลับมาเล่นใหม่ได้

การได้คะแนนมาจากการที่รันเนอร์วิ่งกลับโฮมได้ 1 คน ต่อ1 รัน แต่ถ้ามีการตีโฮมรัน มีกี่คนก็ได้คะแนนตามนั้นในเกมการแข่งขันจะผลัดกันรับและรุกทั้งหมด 9 อินนิ่ง และทีมไหนได้แต้มมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะไป

คำว่า “โฮมรัน“ (Homerun) ที่ได้ยินบ่อยๆ ก็คือการตีลูกให้ลอยในเขตแฟร์หรือเขตลูกลงสนาม แล้วลอยออกไปนอกสนามซึ่งถือเป็นการตีที่ดีและยากมาก จะเห็นผู้ตีวิ่งเหยาะๆได้ครบรอบ ถ้าหากมีคนอยู่บนเบสกี่คนก็นับรวมไปด้วยเช่น มีผู้วิ่งอยู่ที่เบส 2  และเบส 3 ก็นับเป็น 3 คะแนนรวมผู้ตีด้วย การตีโฮมรันสามารถทำได้สูงสุด 4 คะแนน เรียกว่า แกรนด์สแลม (Grand slam)




ประโยชน์และข้อดีของกีฬาเบสบอล

ประโยชน์ของเบสบอล ในแง่ของการเป็นผู้เล่นกีฬาชนิดนี้ก็ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการฝึกเล่นกีฬาแบบเป็นทีมที่ต้องอาศัยความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันและต้องรู้ใจกัน สามัคคีกันให้เกียรติเพื่อนร่วมทีมด้วยกันเพื่อให้การแข่งขันบรรลุเป้าหมาย และในแง่ของการเป็นผู้ชม เบสบอล คือกีฬาที่มีทั้งความสนุกสนาน ความบันเทิง ทำให้ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกด้วย