เรื่องราวความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของกีฬาเทนนิส

ประวัติเทนนิสในสมัยแรกเริ่มที่มีการค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับกีฬาขนิดนี้ว่าแต่เดิมเคยมีชื่อเรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า เจอ เดอ ปุม (Jue de Paume) เนื่องจากมีชาวฝรั่งเศสเป็นผู้เริ่มเล่นในประเทศฝรั่งเศสซึ่งตอนนั้นยังไม่มีไม้แร็กเกตแต่ใช้ตบด้วยมือคล้ายๆ การเล่นวอลเลย์บอล) ต่อมาในภายหลังจึงได้วิวัฒนาการอุปกรณ์การเล่นมาใช้ไม้แร็กเกต สำหรับข้อมูลออื่นๆ ที่ได้บันทึกไว้ก็ระบุว่า ในศตวรรษที่ 16-18 กีฬาชนิดนี้ได้มีการเผยแพร่ไปยังประเทศอังกฤษ ซึ่งนิยมเล่นกันอีกในกลุ่มชนชั้นสูง ราวๆ ปี ค.ศ.1873 พันตรี Walter C. Wingfield แห่งกองทัพบกอังกฤษเป็นผู้ดัดแปลงการเล่นจากกีฬาในร่มให้ออกมาเล่นสนามกลางแจ้งซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ต่อมาเทนนิสจึงถือเป็นกีฬาสากลที่นิยมเล่นกันเกือบทุกประเทศทั่วโลก โดยในปี ค.ศ.1926 มีการจัดแข่งขันแบบทัวร์นาเมนต์ครั้งแรกและได้ถูกบรรจุลงในกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโซล ปี ค.ศ.1988

สำหรับประวัติเทนนิสในไทยก็ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นผู้นำกีฬาชนิดนีเเข้ามาสู่ประเทศไทยและในสมัยใดแต่สันนิษฐานว่าน่าจะเริ่มเล่นกันในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยชาวอังกฤษและอเมริกันที่เดินทางเข้ามาในประเทศซึ่งในขณะนั้นคนไทยยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนักส่วนใหญ่เล่นกันในหมู่คนต่างชาติ ภายหลังจึงเริ่มมีเจ้านายชาวไทยกับข้าราชการชั้นสูงเริ่มเล่นสนใจเล่นเทนนิสกัน กระทั่งราวๆ พ.ศ. 2460 ประชาชนทั่วไปต่างให้ความสนใจกันมากขึ้นและมีการตั้งสโมสรเทนนิสขึ้นอย่างเป็นทางการแห่งแรกที่พระราชอุทยานสราญรมย์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเล่นเทนนิส ในไทยซึ่งในการแข่งขันระดับโลกก็มีนักเทนนิสชาวไทยหลายคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เช่น ภราดร ศรีชาพันธุ์ แทมมารีน ธนสุกาญจน์ เป็นต้น

วิธีการเล่นและกติกาของกีฬาเทนนิส

การเล่นเทนนิสจะมีอุปกรณ์ที่สำคัญคือไม้เทนนิสหรือแร็กเก็ต (Racquet) มีด้ามจับและส่วนที่ใช้ในการตีลูกซึ่งขึงเอ็นไว้กับด้ามไม้ และลูกเทนนิสหรือลูกสักหลาดจะเป็นลูกบอลสีเขียวที่ขนาดและน้ำหนักเป็นไปตามข้อกำหนด อีกทั้งส่วนของสนามซึ่งพื้นสนามจะมีหลายประเภท เช่น พื้นแข็ง (Hard court) ทำจากคอนกรีตราดยาง, พื้นหญ้า (Grass court) บนสนามหญ้าสีเขียว

วิธีเล่นเทนนิส เบื้องต้นคือผู้เล่นแบ่งเป็น 2 ฝ่ายแข่งกัน แบ่งเป็นประเภทเดี่ยวฝ่ายละ 1 คน และประเภทคู่ฝ่ายละ 2 คน มีทั้งคูชาย-ชาย หญิง-หญิง และคู่ผสม เริ่มเล่นก็ใช้ไม้เทนนิสตีส่งลูกส่งข้ามไปมาเหนือตาข่ายภายในเขตที่กำหนด แต่ละฝ่ายพยายามตีลูกให้ลงในแดนคู่แข่ง ให้คู่แข่งไม่สามารถตีลูกกลับมาลงในแดนของฝ่ายตนเองได้

กติกาเทนนิส ในการแข่งขันแต่ละแมทช์จะแบ่งเป็นเซตและในแต่ละเซตก็แบ่งเป็นเกม การนับคะแนนในเกมจะเริ่มต้นจาก0-15 ตามด้วย 30 และ 40 ถ้าเสมอกันที่ 40-40 เรียกว่า "ดิวซ์" (deuce) เมื่อฝ่ายใดก็ตามทำคะแนนนำ 1 คะแนนได้ก่อนจะถือว่าได้เปรียบ หรือ Advantage (ใช้อักษรย่อ A หรือ Adv) เช่น 40-A หรือ A-40 ถ้าฝ่ายนั้นทำได้อีก 1 คะแนน ก็จะชนะในเกมนี้ไป ฝ่ายที่ได้ 6 เกมก่อนจะเป็นผู้ชนะในเซต ถ้าเสมอกัน 6-6 เกม ต้องแข่งขันกันในไทเบรก (tie-break) นับคะแนน 1-2-3 ฝ่ายที่ได้ 7 แต้มก่อนเป็นฝ่ายชนะในเซตนั้น ในแต่ละเกมถ้าฝ่ายเสิร์ฟเป็นฝ่ายชนะจะเรียกว่า รักษาเกมเสิร์ฟได้ แต่ถ้าฝ่ายเสิร์ฟแพ้เกมนั้นจะเรียกว่า ถูกเบรกเกมเสิร์ฟ โดยปกติการแข่งขันเทนนิสทัวนาร์เมนต์ทั่วไปจะแข่งกัน 3 เซตฝ่ายใดได้ 2 เซตก่อนเป็นฝ่ายชนะแต่ถ้าเป็นรายการแกรนด์สแลม (Grand Slam) 4 รายการของโลก เช่น ยูเอสโอเพน จะแข่งขันหาผู้ชนะที่ได้ 5 เซต ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะและในหนึ่งแมทช์ ผู้ชนะก็คือฝ่ายที่สามารถชนะคู่แข่งได้ 3 ใน 5 เกม หรือ 4 ใน 7 เกม