โยคะ (Yoga) กีฬาที่ทำให้แข็งแรงทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ

โยคะ (Yoga) กีฬาที่ทำให้แข็งแรงทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ

โยคะ (Yoga) คือกีฬาชนิดหนึ่งที่มีการรวบรวมพละกำลังทางกาย ใจ และวิญญาณ ให้เป็นหนึ่งเดียว เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของโยคะอยู่ที่กระบวนการต่างๆ ที่ใช้ฝึกร่างกายอย่างช้าๆ กับประสานลมหายใจเข้าออกรวมทั้ง การฝึกจิตให้สงบนิ่งในขณะที่เคลื่อนไหวและมีความจดจ่อเรื่องลมหายใจเข้าออก จุดประสงค์ก็เพื่อให้มีสมาธิที่ดีขึ้นซึ่งในแง่ปฏิบัติต้องรวมทั้งสามอย่างดังกล่าวเข้าด้วยกัน โดยในหัวข้อนี้ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจของโยคะมาฝากดังนี้

yoga

 

ประวัติความเป็นมาของโยคะ

จากหลักฐานทางประวัติโยคะ ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดในประเทศอินเดียเมื่อประมาณ 6,000 ปีมาแล้ว โดยมีความเกี่ยวพันกับความเชื่อและศาสนาในการพยายามค้นหาและทำความเข้าใจเรื่องชีวิตความเป็นอยู่รวมทั้งได้มีการบันทึกไว้ผ่านตัวอักษร รูปปั้นไม้แกะสลัก ซึ่งมีการค้นพบรูปปั้นที่คล้ายกับการฝึกโยคะบริเวณหุบเขา อินดัส วอลเลย์หรือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศปากีสถานในปัจจุบัน เชื่อกันว่าศิลปะเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงราวๆ 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของนักปราชญ์ชาวฮินดูชื่อว่า ปตัญชลี ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปรับปรุงวิธีการฝึกโยคะพื้นฐานคนแรก ซึ่งมีผู้ที่นำไปปฏิบัติตามหากเป็นผู้ชายจะเรียกว่า โยคิน หรือโยคี ผู้หญิงจะเรียกว่า โยคินี ขณะที่ผู้สอนก็เรียกกันว่า คุรุ หรือ ครู ส่วนโยคะก็มาจากรากศัพท์ของคำว่า “ยุชิร” หรือ “ยุช” แปลว่า เทียมแอก ผูกมัด ประกอบ หรือรวมกัน ดั้งนั้นตามความหมายของคำศัพท์ที่ว่านี้ โยคะจึงหมายถึงการเพ่งหรือการทำสมาธิเพื่อให้จิตสู่ความหลุดพ้น

หลังจากการฝึกโยคะ ได้มีการเผยแพร่ไปยังนานาประเทศ ประเทศทางตะวันตกก็นำมาประยุกต์ให้เข้ากับการออกกำลังกาย ทำให้ศาสตร์โยคะเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้นรวมทั้งในประเทศไทย เพราะหลักการที่เน้นความยืดหยุ่นกล้ามเนื้อร่างกาย กระดูกสันหลัง ระบบเส้นประสาท ระบบหมุนเวียนโลหิตที่ส่งผลให้ทุกระบบร่างกายทำงานได้ดีขึ้นไม่น้อยไปกว่าการออกกำลังกายประเภทอื่น 

 

โยคะประเภทต่างๆ และวิธีการเล่น

วิธีเล่นโยคะ โดยทั่วไปจะใช้เสื่อโยคะและมีท่าต่างๆ ให้ฝึกเล่น สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกในระดับเบื้องต้น ซึ่งถือเป็นการทำความคุ้นเคยกับศาสตร์ของโยคะ เพื่อปูทางไปสู่การฝึกในระดับต่อๆ ไป โดยมีท่าการฝึกเบื้องต้น เช่น ท่าวัว (Cow) ที่ช่วยลดอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี ท่าต้นไม้ (Tree) คือท่าที่เน้นการทรงตัวและฝึกจัดระเบียบร่างกายให้มีความสมดุลของกล้ามเนื้อกับกระดูกต่างๆ และท่า Strength เป็นอีกท่าพื้นฐานเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อแขนขา ซึ่งควรฝึกเป็นประจำก่อนจะเริ่มสเตปต่อไป เช่น การโยคะที่ต้องมีอุปกรณ์ต่างๆ ร่วมด้วย

ประเภทของโยคะ จริงๆ แล้วแบ่งเป็นหลายประเภท แต่จะขอแนะนำประเภทที่นิยมเล่นและรู้จักกันทั่วไป เช่น 

yoga-1

โยคะทั่วไป (Gentle Yoga) ก็คือพื้นฐานสำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นหัดเล่นโยคะตลอดจนผู้สูงอายุที่มีสนใจจะออกกำลังกาย ด้วยโยคะ โดยเน้นท่าพื้นฐานเบาๆ อย่างการปรับลมหายใจ การเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้มีการปรับตัว และถึงแม้จะเป็นการฝึกขั้นเบสิคแต่ก็มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดตามข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะผู้มีอาการออฟฟิศซินโดรมได้เป็นอย่างดีเช่นกัน เมื่อฝึกอย่างต่อเนื่องยังช่วยทำให้รูปร่างกระชับ ผิวพรรณสวยงาม ดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย

 

yoga-2

บิครัมโยคะ หรือโยคะร้อน (Bikram Yoga) คือการฝึกเล่นโยคะในห้องที่มีอุณหภูมิอย่างน้อย 36-37 องศา จุดประสงค์ก็เพื่อให้ร่างกายยืดตัวได้มากขึ้นอีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายมีความกระชับ เกิดการไหลเวียนของโลหิตอย่างดี สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย แต่ก็ต้องระวังในเรื่องของสุขภาพเป็นพิเศษด้วยเนื่องจากการอยู่ในห้องที่มีความร้อนนาน ๆ อาจเสี่ยงต่อการหน้ามืดและเป็นลมได้ง่าย

 

yoga-3

โยคะฟื้นฟู (Restorative Yoga) ถึงจะชื่อว่าฟื้นฟูแต่ผู้สนใจโยคะประเภทนี้ไม่จำเป็นว่าต้องป่วยหรือบาดเจ็บ เพียงแค่ต้องการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจก็เพียงพอ โดยเฉพาะจากความเครียด ท่าโยคะประเภทนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในท่าแต่ละท่านานประมาณ 10-15นาที เสมือนเป็นการใช้เวลาเพื่อบำบัดร่างกายและจิตใจอย่างสงบ เหมาะกับวัยทำงานทั้งหญิงและชาย

 

yoga-4

อัษฎางค์โยคะ (Ashtanga Yoga) คือโยคะประเภทที่ใช้ท่ายากกว่าพื้นฐานเน้นการประสานของกระบวนการทางกายเข้ากับลมหายใจและการกำหนดจุดสายตา โดยมีเพียง 4 ท่าหลักชื่อว่า Primary Asana ,Intermediate Asana, Advanced A Asana, Advanced B Asana ซึ่งต้องฝึกตั้งแต่ท่าเบื้องต้นที่ง่ายที่สุดไปจนถึงระดับยากที่สุด เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ ที่สำคัญคือจะต้องมีทักษะในการเล่นโยคะมานานพอสมควรก่อนมาเล่นโยคะประเภทนี้

 

ประโยชน์ของโยคะ เมื่อฝึกเล่นโยคะเป็นประจำเหมือนเป็นการเล่นกีฬาชนิดหนึ่งก็จะทำให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับอย่างชัดเจนในด้านการฝึกจัดระเบียบของร่างกาย การรักษาสมดุลร่างกายทุกสัดส่วน ได้ฝึกกำหนดลมหายใจ ฝึกจิตใจควบคู่กันไป ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจก็ได้รับการฟื้นฟูอยู่เสมอ รวมถึงประโยชนอื่นๆ โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพพลานามัย เช่น ประโยชน์ด้านการมีส่วนช่วยบำบัดและบรรเทาอาการเจ็บปวดที่กระดูกและไขข้อ ทำให้ร่างกายมีระบบการเผาผลาญที่ดีขึ้น การขับถ่ายก็ดีขึ้น ทางด้านจิตใจก็สามารถทำให้นอนหลับสนิท เพราะได้ผ่อนคลายความตึงเครียดอยู่เสมอ