ประวัติความเป็นมาของกีฬาวิ่ง

การวิ่ง คือ การที่มนุษย์เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าลักษณะของการเดินบนพื้นตามปกติ จะมีการก้าวเท้าที่ยาวกว่าการเดิน เมื่อวิ่งเป็นประจำจะทำให้เกิดความแข็งแรงของร่างกายในหลายส่วน โดยเฉพาะช่วงท่อนล่างที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด เป็นกีฬาที่มีอายุมาอย่างยาวนานกว่า 4 ล้านปี เพราะถูกพบบันทึกมาตั้งแต่ช่วงก่อนคริสตกาลที่ระบุว่าปี 776 เกิดการแข่งขันครั้งสำคัญที่ถูกนำมาเป็นการแข่งขันหลักของโลกในยุคนี้อย่างโอลิมปิกโบราณที่ไอร์แลนด์ การวิ่งแข่งจึงถือกำเนิดขึ้นในช่วงระยะเวลานั้นและกีฬาวิ่งยังถือว่าเป็นกีฬาแรก ๆ ที่ถูกบรรจุลงในโอลิมปิกโบราณ ซึ่งในอดีตการวิ่งของมนุษย์ถือว่าเป็นหนึ่งในทักษะของการหลบหนีและการล่าสัตว์ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีพเป็นอย่างมาก 

ช่วงยุคหินมนุษย์จะวิ่งได้ค่อนข้างเร็วมาก เพราะต้องพัฒนาให้ร่างกายเคลื่อนไหวตามสัตว์ต่าง ๆ ได้ทันและหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทำให้ร่างกายผสานกับความคิดได้เป็นหนึ่งเดียว จึงทำให้สามารถล่าสัตว์มาเพื่อเก็บไว้เป็นอาหารได้ไม่ยากนัก นอกจากนี้ในขณะที่วิ่งยังต้องใช้การกระโดดร่วมด้วย จึงก่อกำเนิดเป็นกีฬาวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางที่ถือว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบการแข่งขันกรีฑาของทุกประเทศทั่วโลกและมีการแบ่งรูปแบบวิ่งแข่งออกมาอีกหลากหลาย เช่น การวิ่งระยะสั้น, ระยะไกล, วิ่งผลัด, ซิตี้รัน และอีกหลากหลายประเภท ที่ผู้สนใจสามารถเลือกนำมาฝึกซ้อมเพื่อเข้าแข่งขันได้อย่างเหมาะสมต่อความสามารถของตนเอง

6 ประเภทของการวิ่งที่ได้รับความนิยมและมีการจัดแข่งขันในปัจจุบัน 

ถ้าคุณเริ่มสนใจที่จะเข้าสู่การวิ่งเพื่อสุขภาพ หรืออาจจะพัฒนาต่อยอดไปสู่การเป็นนักกีฬาในอนาคต สิ่งที่คุณควรรู้ คือ ประเภทการวิ่งที่จะถูกแบ่งออกมาอย่างชัดเจน เพื่อให้คุณได้รับการฝึกฝนการวิ่งที่ถูกวิธี โดยจะมีการแบ่งเป็น 6 ประเภทยอดนิยมและมีการแข่งขันในปัจจุบัน ดังต่อไปนี้

1.มินิมาราธอน

การวิ่งแบบมินิมาราธอนจะมีระยะทางตั้งแต่ 10.5 กิโลเมตรขึ้นไป โดยจะเป็นการวิ่งอย่างต่อเนื่องจากระยะทางสั้นที่สุด คือ 5 กิโลเมตร มาสู่ 10.5 กิโลเมตร จะมีการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นการแข่งที่มีจัดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการวิ่งที่ถูกวิธีควรอุ่นร่างกายแล้ววิ่งในระยะ 5-10 กิโลเมตรอยู่ตลอด เพื่อทำให้ร่างกายเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ

2.ฮาล์ฟมาราธอน

การวิ่งแบบฮาล์ฟมาราธอนจะมีระยะทางตั้งแต่ 21 กิโลเมตรเป็นต้นไป จะพัฒนาจากมินิมาราธอนมาเป็นเท่าตัว ดังนั้นผู้ที่จะลงการแข่งขันในฮาล์ฟมาราธอนจะต้องมีการฝึกฝนเป็นประจำ และจะต้องฝึกซ้อมร่างกายด้วยการเพิ่มระยะทางขึ้นเรื่อย ๆ จึงอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร ไม่ควรเร่งรีบเพราะอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บและเป็นปัญหาต่อสุขภาพได้

3.ฟูลมาราธอน

การวิ่งแบบฟูลมาราธอนหรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “มาราธอน” จะมีระยะทางเพิ่มขึ้นเป็น 42 กิโลเมตรขึ้นไป จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์วิ่งแบบฮาล์ฟมาราธอนมาก่อนและต้องการเพิ่มศักยภาพของร่างกายให้มากขึ้น จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมร่างกาย เพื่อให้ไปได้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ เป็นประจำ หรือแม้แต่การพักผ่อน การรับประทานอาหาร และการเตรียมใจไม่ให้ท้อง่ายเกินไป จะต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อที่คุณจะได้เอาชนะทั้งใจตัวเองและร่างกายได้มากที่สุด

4.อัลตร้ามาราธอน

การวิ่งในแบบอัลตร้ามาราธอนจะมีระยะทางที่เพิ่มสูงกว่ามาราธอนปกติตั้งแต่ 60 กิโลเมตรเป็นต้นไป สำหรับระยะทางกับระยะเวลาในการวิ่งจะเป็นไปตามผู้จัดงานกำหนด เป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่เน้นเรื่องของความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ จะเหมาะสำหรับผู้ที่ฝึกฝนร่างกายมาพร้อมอยู่เสมอเท่านั้น หรือเป็นผู้มีประสบการณ์ฟูลมาราธอนมาก่อน รวมไปถึงผู้ที่รู้ความพร้อมของร่างกาย ไม่เช่นนั้นอาจจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพเสียหายได้ง่าย

5.Fun Run

การวิ่งแบบ Fun Run จะมีระยะทางสั้นมากที่สุดในการวิ่งทั้งหมด เพราะมีระยะทางในช่วงแค่ 5 กิโลเมตร เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ผู้สนใจลงแข่งขันได้ฝึกเทคนิคการวิ่ง มือใหม่อย่างถูกต้อง และพัฒนาไปสู่การแข่งขันในรูปแบบอื่น ๆ ต่อไป