ประวัติความเป็นมาของกีฬาว่ายน้ำ พร้อมแนะนำท่าว่ายพื้นฐานที่ควรรู้ !

ประวัติความเป็นมาของกีฬาว่ายน้ำ พร้อมแนะนำท่าว่ายพื้นฐานที่ควรรู้ !

 

การว่ายน้ำเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เหมาะสำหรับสภาพอากาศร้อน ถือว่าเป็นหนึ่งในกีฬาที่ควรส่งเสริมให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้มีทักษะติดตัวไว้ เพราะนอกจากจะทำให้เกิดความปลอดภัยแล้วยังสามารถพัฒนาต่อยอดสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพได้อีกด้วย ซึ่งว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ถูกบรรจุในการแข่งขั้นทั้งระดับประเทศและระดับโลก ดังนั้นจึงถือว่าเป็นกีฬาที่ให้มากกว่าความแข็งแรงของทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย

swimming

ประวัติความเป็นมาของกีฬาว่ายน้ำ

ประวัติว่ายน้ำเริ่มต้นมาตั้งแต่ 9,000 ปีก่อนคริสตกาล เพราะการว่ายน้ำนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในทักษะติดตัวของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณและเป็นกีฬาแรก ๆ ที่ถูกนำมาแข่งขันเช่นเดียวกับกีฬาวิ่ง โดยเฉพาะกับคนในยุคโบราณจะใช้การว่ายน้ำเพื่อการจับปลาและการดำรงชีวิต พร้อมการป้องกันอันตรายจากการตกน้ำ เมื่อมาสู่ยุคใหม่จึงได้เกิดเป็นการแข่งว่ายน้ำขึ้น สำหรับการแข่งขันในครั้งแรกเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2416 ที่ประเทศอังกฤษ โดยจะใช้เพียงแค่กติกาแบบง่าย ๆ คือ การว่ายน้ำให้ถึงเส้นชัยก็จะถือว่าชนะทันที ส่วนกฎกติกาต่าง ๆ ยังไม่มีเท่ากับในปัจจุบัน พร้อมการถูกบรรจุให้กลายเป็นกีฬาสำคัญของการแข่งขันโอลิมปิกในช่วง ปี พ.ศ. 2436 และเข้าสู่ประเทศไทยในปี 2502 พร้อมการจดทะเบียนเพื่อขึ้นเป็นสมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จากนั้นจึงได้มีการฝึกฝนนักกีฬาเพื่อเข้าแข่งว่ายน้ำ, แข่งขันโปโลน้ำ, แข่งขันกระโดดน้ำ, แข่งขันระบำใต้น้ำ และเพิ่มเป็นการว่ายผลัดในภายหลัง ทั้งยังมีท่าทางต่าง ๆ ในการว่ายเพิ่มเติมขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งประเทศไทยสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ถึง 34 เหรียญด้วยกัน

กีฬาว่ายน้ำคือการฝึกฝนทักษะที่สามารถฝึกได้ง่ายๆโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์ใดๆ และต้องใช้ความระมัดระวังในการฝึกมากพอสมควรถ้ามีทักษะการว่ายน้ำมาอยู่แล้วสามารถที่จะฝึกได้ทั้งในสระน้ำปกติบ่อน้ำคลองหรือทะเลได้ทั้งหมดแต่สำหรับผู้ที่เริ่มฝึกควรเลือกใช้เป็นสระว่ายน้ำแบบตื้นเพื่อป้องกันปัญหาการจมน้ำที่อาจจะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ดังนั้นผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็นหรือกำลังฝึกจึงควรมีผู้ฝึกสอนหรือผู้ที่ว่ายน้ำเป็นอยู่ใกล้ตัวเสมอและไม่ควรลงน้ำลึกเด็ดขาด สำหรับวิธีว่ายน้ำให้ถูกต้องนั้นเพียงแค่คุณเรียนรู้ท่าทางการว่าอย่างถูกต้องการลอยตัวอยู่บนผิวน้ำและการตีขาเพื่อให้คุณไปถึงจุดหมายได้รวมไปถึงการลืมตาท้ายน้ำเพียงเท่านี้คุณก็จะพัฒนาต่อยอดความสามารถไปสู่การเป็นนักกีฬาเพื่อแข่งว่ายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4 ท่าทางหลักของการว่ายน้ำที่ถูกต้อง

การว่ายน้ำที่ไม่ว่าจะเป็นการว่ายเพื่อสุขภาพหรือการแข่งขัน จะมีท่าทางหลักที่จะช่วยทำให้คุณสามารถว่ายได้อย่างถูกต้องและเป็นตัวช่วยทำให้คุณสามารถที่จะเคลื่อนที่ไปด้านหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยจะมีวิธีว่ายน้ำด้วย 4 ท่าทางหลัก ดังต่อไปนี้

freestyle

1.ท่าฟรีสไตล์

วิธีว่ายน้ำด้วยท่าฟรีสไตล์ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะทำให้การเคลื่อนที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพียงแค่ยืดแขน ไปด้านหน้าสุด 1 แขน โดยแนบแขนให้เกือบชิดกับข้างหู ส่วนอีกมือหนึ่งจะกดลงและอยู่ด้านหลัง พร้อมกับยกศอกขึ้นเล็กน้อย พร้อมการใช้ขาทั้งสองข้างตีน้ำช่วย ซึ่งท่าฟรีสไตล์นั้นจะช่วยทำให้คุณเคลื่อนที่เร็วและตรงตามเป้าหมายที่คุณต้องการไปโดยไม่ต้องใช้แรงมาก

 

backstroke

2.ท่ากรรเชียง

สำหรับท่ากรรเชียงนั้นจะมีลักษณะของการว่ายแบบหงาย จากนั้นจะใช้ท่าที่คล้ายกับฟรีสไตล์ คือ การตีแขนสลับกัน โดยให้แขนชิดที่ใบหูข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งยืดตรงอยู่ชิดช่วงขา กดแขนลงน้ำสลับกันไป-มาทั้งสองข้าง โดยให้งอข้อศอกเล็กน้อยและใช้เท้าตีน้ำ เพื่อช่วยดันให้การกรรเชียงพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ท่านี้จะมีความคล้ายกับท่าฟรีสไตล์ทุกอย่าง จะต่างกันเพียงแค่ท่าฟรีสไตล์จะเป็นลักษณะของนอนคว่ำ แต่ท่ากรรเชียงจะเป็นลักษณะของการนอนหงาย

 

butterfly-stroke

3.ท่าผีเสื้อ

วิธีว่ายน้ำท่าผีเสื้อจะมีลักษณะของการกางแขนออกทั้ง 2 ข้าง แล้วใช้ทั้งเท้ากับลำตัวส่งให้ช่วงบนโผล่ขึ้นพ้นน้ำและกวาดแขนทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า ท่านี้จะมีลักษณะคล้ายกับปีกผีเสื้อกำลังโบยบินจึงถูกเรียกว่าท่าผีเสื้อ แต่ท่านี้จะใช้กำลังแขนค่อนข้างมาก เพราะจะต้องใช้ช่วงไหล่กับแขนในการพาให้ตัวพุ่งไปด้านหน้าและเป็นจุดที่กระแทกน้ำบ่อยครั้งที่สุดอีกด้วย

 

breaststroke

4.ท่ากบ

ถ้ากบจะมีลักษณะคล้ายกับท่าผีเสื้อ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนจากการกางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อตวัดน้ำแล้วพุ่งไปด้านหน้า กลายเป็นการแนบแขนไว้กับลำตัวและใช้เท้ากับช่วงตัวช่วยดันให้ช่วงบนของลำตัวโผล่พ้นน้ำ โดยจะต้องหนีบศอกทั้งสองข้างให้ชิดลำตัวมากที่สุดแล้วส่งกำลังไปที่ศอก แขน และลำตัวอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้มุ่งตรงสู่เป้าหมายได้ทันเวลา

 

สำหรับการว่ายน้ำทั้ง 4 ท่าทางนี้ จะต้องผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นการแข่งขันด้วยแล้ว ร่างกายจะต้องเคยชินกับทั้งอุณหภูมิน้ำ แรงดันของน้ำ และร่างกายจะต้องมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่นักกีฬาว่ายน้ำทุกคนจะมีช่วงไหล่ที่กว้างและมีร่างกายที่แข็งแรงทุกส่วน ทั้งยังมีปอดที่ทรงพลังอีกด้วย