ฟิล เนวิลล์กับฐานะโค้ชแห่งทัพสิงโตสาวที่ช่างจืดชืดและแสนโอหัง

เนวิลล์โบกมือลาตำแหน่งหลังจากพาทีมพ่ายเกมรอบรองชนะเลิศศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 การระเบิดอารมณ์หลายครั้งและความหยิ่งผยองที่ไม่เหมาะกับโค้ชที่มีประสบการณ์น้อยเช่นนี้

การทดลองงานจบลงในที่สุดหลังการลาออกของฟิล เนวิลล์ เขาออกจากงานในอังกฤษหลังไม่ประสบความสำเร็จกับทัวร์นาเมนต์สำคัญ หรือการหมดอาลัยตายอยากในช่วงที่ใหญ่ที่สุด แต่ด้วยการแถลงข่าวอย่างเงียบเชียบ ซึ่งสรุปแล้วเรากล้าพูดได้ว่าเป็นการรับตำแหน่งที่ไม่หวือหวาเลย.

เมื่อเขาลาออกเพื่อรับตำแหน่งผู้จัดการทีมอินเตอร์ไมอามี ห้าวันสั้นๆในวันครบรอบสามปีของเขา จะทำอะไรดี? มีการยกย่องในแง่มุมของพ่อมดอายุ 43 ปีคนนี้ แนวทางแบบองค์รวมของเขาและประสบการณ์ในเกมใหญ่ที่เขามีจากอาชีพการเป็นผู้เล่นอาจเป็นจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ผู้ช่วยของเขา เบฟ พริสท์แมน (ผู้บริหารทีมชาติแคนาดาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนปีที่แล้ว) ผู้บริหารของเขาที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ระดับโลก" (ผู้บริหารทีมชาติแคนาดา) ในวันที่อังกฤษเปิดฟุตบอลโลก 2019 เธอได้รับการสนับสนุนจากลูซี่ บรอนซ์ แบ็คขวาซึ่งกล่าวว่าการสร้างความสัมพันธ์ของเขากับผู้เล่น, แฟน ๆ และทีมงานได้ช่วยให้อังกฤษ “เป็นทีมที่ดีขึ้น”

เนวิลล์มีความสามารถในการสร้างสายสัมพันธ์กับผู้เล่นและสร้างเสน่ห์ให้กับนายจ้างอย่างไม่ต้องสงสัย โดยรวมแล้วเขาไม่ใช่คนที่ไม่มีใครเหมือน อย่างไรก็ตาม เรามักจะจดจำเขาในแง่ของความโมโหร้าย, การเล่าเรื่องที่หักมุม และความเย่อหยิ่งที่ไม่เหมาะกับชายที่แปะป้ายชั่วโมงบินต่ำเช่นนี้

“ผลงานในสองเกมที่ผ่านมาในความคิดของผมนั้นยอดเยี่ยมมาก” เขากล่าวหลังจากการขึ้นทำประตูอย่างหืดขึ้นคอจากเบธ มี้ดที่ช่วยให้ทีมเอาชนะโปรตุเกสไปได้ 1-0 ซึ่งตอนนี้อยู่ในอันดับที่ 30 ของโลกในเดือนตุลาคม 2019 “ผมพอใจกับทิศทางที่เรากำลังจะไป”

มันเป็นการประเมินที่ขัดแย้งสำหรับทุกคนที่ได้ดูเกมและกลายมาเป็นช่วงเวลาที่กำหนดความเป็นไปของทีมภายใต้การนำของเขาไปเลย ยิ่งตอกย้ำมากขึ้นไปอีกด้วยการไม่ชนะใครเลยอีก 5 เกมรวด เนวิลล์ได้โจมตีนักข่าวสาวที่อธิบายถึงผลงานก่อนหน้านี้ในการเอาชนะบราซิล 2-1 ว่า "จืดชืด" เขาตะคอกใส่อย่างเดือดดาลว่า “คุณอยากให้ผมถูกไล่ออกใช่ไหม? แน่ล่ะสิ ผมอ่านมันแล้ว."

ประวัติของเขาเองก็มีแง่ดีๆ ให้ค้นหา รวมถึงการชนะ SheBelieves Cup เป็นครั้งแรก การเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก และผ่านการคัดตัวโอลิมปิก และทั้งบารอนเนสซู แคมป์เบล ผู้อำนวยการของสมาคมฟุตบอลหญิง ก็เคยกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าสถานะของเขาในฐานะอดีตผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษ “ช่วยยกระดับโปรไฟล์ของทีมเราได้มาก”

แต่เขาปรับปรุงทีมได้จริงแค่ไหนถ้าเป็นเช่นนั้น? อังกฤษเป็นทีมที่ดีอยู่แล้วเมื่อตอนที่เนวิลล์เข้ากุมบังเหียนในเดือนมกราคม 2018 ซึ่งเป็นอันดับสามของโลกและอยู่ในอันดับต้น ๆ ของประเทศในยุโรป ตอนนี้พวกเขาอยู่ในอันดับหกและมีสถิติแพ้ 7 นัดและเสมอใน 11 เกมที่ผ่านมา

แม้จะชนะไป 3 แต่ยังเหลืออีกมากที่ต้องไล่ตาม หลังจากการพ่ายแพ้ให้โปรตุเกสในเดือนตุลาคม 2019 และการเอาชนะเยอรมนี 2-1 ที่เวมบลีย์ในเดือนพฤศจิกายน อังกฤษพ่ายแพ้ต่อสาธารณรัฐเช็กสองครั้ง (ที่ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก) และต้องหวังพึ่งประตูในนาทีที่ 86 จากลีอาห์ วิลเลียมสันเพื่อรักษาหน้า ซึ่งเป็นประตูที่ช่วยให้เนวิลล์ยังรักษางานของเขาไว้ได้จนถึงปีใหม่

การเจอกับญี่ปุ่นที่ She Believes Cup ในเดือนมีนาคมถัดมา การทำประตูในนาทีที่ 83 จากเอลเลน ไวท์ ช่วยทำให้มั่นใจว่าเหล่าสิงห์สาวที่ถูกลูบคม ไม่ได้จบทัวร์นาเมนต์เล็กๆนี้ไปแบบไร้ประตู

เพชรยอดมงกุฎของเนวิลล์คือการเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นการเข้ารอบรองชนะเลิศรายการที่สามติดต่อกันของทีม ซึ่งเป็นโจทย์ที่เขาถูกจ้างมาให้ช่วยลูกทีมผ่านด่านไปให้ได้ แต่ก็ล้มเหลว ในฝรั่งเศส หกประตูจากไวท์ช่วยกลบเกลื่อนรอยรั่วของการป้องกันที่เละเทะและการเสียสมาธิบ่อยครั้ง ในท้ายที่สุดมีเพียงความพ่ายแพ้ที่ยอดเยี่ยมของนอร์เวย์ในรอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้นที่ทำให้อังกฤษมีผลงานที่สมบูรณ์

แคมป์เบลนั้นไม่ได้ผิดซะทีเดียว โปรไฟล์ของเนวิลล์นั้นดึงความสนใจได้จริง ชื่อเสียงที่โด่งดังในวงการสื่อมวลชนฟุตบอลของสหราชอาณาจักรเข้าร่วมงานเปิดตัวของเขาที่เซนต์จอร์จพาร์ค แต่มันจะผิดที่แนะนำให้เหล่าสิงห์สาวและฟุตบอลหญิงเข้าไปเป็นบุญคุณส่วนสำคัญที่เพิ่มขึ้นในโปรไฟล์ให้กับผู้จัดการ ฟุตบอลหญิงเคยเติบโต (และยังเติบโตอยู่) และการจัดการแข่งขันใหญ่ก็ทำให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น การตัดสินใจของเนวิลล์ในการรับงานตั้งแต่แรกไม่ใช่การแสดงออกทางการกุศลของเขา การเสนอราคาเพื่อใช้โปรไฟล์ของเขาเพื่อดึงให้ฟุตบอลหญิงเป็นที่สนใจมันเป็นการทำเพื่อตัวเอง ซึ่งเป็นงานที่ช่วยเสริมอาชีพด้านการบริหารของเขา และถ้าอะไรก็ตามที่ทำให้การตัดสินใจของผู้เล่นที่มีชื่อเสียงจากฟุตบอลชายเข้ามารับงานนี้นั้น ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าฟุตบอลหญิงมาไกลแค่ไหน

เมื่อไม่สนใจผลลัพธ์ อดีตผู้จัดการทีมได้รับเครดิตไปเต็มๆกับการเปลี่ยนวิธีการเล่นด้านข้างที่ทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายเหนือกว่าซึ่งสร้างจากด้านหลัง ยกเว้นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ผู้เล่นชั้นนำของฟุตบอลหญิงซูเปอร์ลีกต่างเล่นแบบต่อบอลมากขึ้นเรื่อย ๆ และสร้างทะลุถึงที่สามและการแต่งตั้งใด ๆ โดยสมาคมฟุตบอล ซึ่งได้รับการปลูกฝังรูปแบบการเล่นในทุกกลุ่มอายุน่าจะได้รับการสนับสนุนให้ทำคล้าย ๆ กัน

เมื่อสมาคมฟุตบอลแต่งตั้งให้แกเร็ธ เซาธ์เกตอยู่ฝ่ายชาย ฝ่ายบริหารก็มีความเสี่ยง ฝ่ายที่ได้รับผลตอบแทนโดยรวม บางทีการตัดสินใจนั้นทำให้องค์กรมีความมั่นใจมากเกินไปเมื่อตัดสินใจที่จะลงดาบเนวิลล์? เนวิลล์เองก็เช่นเดียวกับเซาท์เกตเป็นอดีตลูกเสืออังกฤษที่สะอาดสะอ้านเหมือนเด็กผู้ชายที่สามารถช่วยสมาคมฟุตบอลผ่านวิกฤตในยุคของมาร์ค แซมป์สัน ในลักษณะเดียวกับที่เซาธ์เกตกลายเป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตทีมชาติไว้หลังจากวิกฤตจากแซม อัลลาร์ไดซ์

เว้นแต่ว่าสมาคมฟุตบอลนั้นมั่นใจเกินไปและพลาดอย่างแรง เพราะเซาธ์เกตนั้นมีประสบการณ์ในการบริหารงานรวมถึงการคุมทีม U-21 แต่เนวิลล์แทบไม่มีเลย

สามปีต่อมาแล้วเอฟเอก็กลับมาหัวหมุนอีกครั้ง ใช่แล้ว ซาริน่า เวกแมน เฮดโค้ชชาวเนเธอร์แลนด์ถูกกำหนดให้เข้ามารับช่วงต่อหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แต่เพื่อรักษาเนวิลล์ (ชายที่พยายามหางานต่อไปอย่างแข็งขัน) ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฝ่ายบริหารก็เสียเวลาอันมีค่าไปแล้ว. ในหกเดือนก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เอฟเอจำต้องตามล่าหาผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชั่วคราวและผู้จัดกาฟุตบอลทีมชาติบริเตนใหญ่ให้ได้

แล้วทุกอย่างก็จะล้างบาปไปได้อีกเยอะ

ที่มา: https://www.theguardian.com/football/blog/2021/jan/19/phil-neville-tenure-england-women-coach-inter-miami

ฟิล เนวิลล์กับฐานะโค้ชแห่งทัพสิงโตสาวที่ช่างจืดชืดและแสนโอหัง

ฟิล เนวิลล์ ลาออกจากผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติอังกฤษ ด้วยอันดับที่ต่ำกว่าเมื่อตอนเขารับหน้าที่ในปี 2018