เบื้องหลังความสำเร็จของ รูเบน ดิอาซกับแมนเชสเตอร์ซิตี้

เบื้องหลังความสำเร็จของ รูเบน ดิอาซกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ และรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ FWA

ruben-diaz

      รูเบน ดิอาซ กองหลังชาวโปรตุเกสของแมนเชสเตอร์ซิตี้ได้รับคะแนนเสียงโหวตมากกว่านักเตะร่วมทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยด์ และ เฮนรี่ เคน กองหน้าสเปอร์ส และความยอดเยี่ยมของแมนซิตี้ในการก้าวขึ้นสู่แชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นล้วนสะท้อนให้นักเตะเรือใบสีฟ้าได้รับคะแนนโหวตถึงเก้าคน นับเป็นจำนวน 50% ของจำนวนคะแนนเสียงทั้งหมด ทำให้เป็นการตอกย้ำความสุดยอดทุกอณูของแมนเชสเตอร์ซิตี้ในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง

รูเบน ดิอาซสุดยอดผู้เล่นของฤดูกาล ในสายตาของสื่อ

      เมื่อถามถึงรางวัลที่ได้รับเขากล่าวว่า “มันเป็นความพิเศษที่ยิ่งใหญ่ ผมมีความสุขมากและผมไม่อาจจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ถ้าหากปราศจากความสำเร็จของทีมด้วย” รูเบน ดิอาซ เป็นกองหลังคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้นับตั้งแต่ สตีฟ นิโคล ของลิเวอร์พูลที่ได้รางวัลนี้ไปในปี 1989 ซึ่งเด็กหนุ่มวัย 24 ปีคนนี้เชื่อว่าการที่เขาได้รับการยอมรับเหนือดาวยิงของทีมนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีของทีมการการยอมรับในความสามารถของเขาในสายตาเพื่อนร่วมทีมด้วย “มันมีความหมายบางอย่าง เพราะโดยปกติแล้วดาวซัลโวของทีมค่อนข้างจะได้รับความสนใจมากกว่าแต่ผมกลับได้รางวัลนี้นับเป็นตัวอย่างสำคัญของทีมเรา พวกเราล้วนทำงานหนักมันสะท้อนภาพการทำงานร่วมกัน การมีสปิริตในสนามและกับผู้เล่นเหล่านี้เราอยู่กันเหมือนครอบครัว”  หลังจากย้ายมาจากเบนฟิก้าเมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้วด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ รูเบน ดิอาซ ลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในฤดูกาลนี้ไป 31 นัด ยิงได้1ประตู และในยามที่เขาลงเล่นทีมสามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 14 เกมส์ และการยืนคู่กับ จอห์น สโตน นับว่าเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของกวาดิโอล่าเลยก็ว่าได้เพราะเสียไปเพียง 32 ประตูและเป็นกุญแจสำคัญที่แมนเชสเตอร์ซิตี้คว้าแชมป์ลีกมาครอง

ruben-dias

รูเบน ดิอาซ : พ่อของผมบอกให้คิดในแง่บวก

      ด้วยวัยเพียง 24 ปี ดิอาซได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในตำแหน่งกองหลังของแมนเชสเตอร์ซิตี้ ซึ่งทีมต้องการตัวตายตัวแทนที่ไว้ใจได้นับตั้งแต่การจากไปของ แวงต์ซอง กอมปานี เขาให้เครดิตกับทรรศนคติในการแข่งขัน อิทธิพลที่มีต่อเพื่อนร่วมทีมและคำสอนของพ่อ รูเบนกล่าวว่า “ความคิดที่เข้มแข็งในการเปลี่ยนความกลัวให้เป็นพลัง เปลี่ยนสิ่งที่ยากให้เป็นแรงผลักดัน เปลี่ยนจากที่มองในแง่ลบเป็นแง่บวก นั่นเป็นสิ่งที่พ่อของผมบอกมาเสมอ ตอนนี้ผมมองทุกอย่างในแง่บวกตั้งแต่ผมมาที่นี่มันทำให้ผมมีแรงผลักดันและทำทุกวันให้ดีขึ้น และเมื่อตอนที่เราคว้าแชมป์ลีกมาได้ผมอยากฉลองให้สุดเหวี่ยงแต่เมื่อกลับมาคิดว่าเดี๋ยวเราก็ต้องลงเล่นถี่ มีเกมส์แทบจะ 3 วันต่อนัดมันเลยเป็นเรื่องยากที่จะฉลองได้เต็มที่ แต่ผมจะบอกว่า มันสวยงามมากที่เราคว้าแชมป์ลีกและเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนลีกได้ และฤดูกาลหน้ามันจะเป็นความท้าทายใหม่ และในฐานะนักฟุตบอลคุณจะกระหายชัยชนะไม่มีวันจบสิ้น.