เดวิด เบ็คแฮม และ สตีเวน เจอร์ราร์ด ได้รับแต่งตั้งให้เข้าสู่หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก

เดวิด เบ็คแฮม และ สตีเวน เจอร์ราร์ด ได้รับแต่งตั้งให้เข้าสู่หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก

เดวิด เบ็คแฮม และ สตีเวน เจอร์ราร์ด

      เดวิด เบ็คแฮม และสตีเวน เจอร์ราร์ดเป็นอดีตผู้เล่นคนล่าสุดที่ถูกเพิ่มเข้าสู่หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก เบ็คแฮมเป็นรายชื่อที่แปดที่ถูกเพิ่มเข้ามาหลังจากเจอร์ราร์ดตำนานจากลิเวอร์พูลที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาเป็นอันดับเจ็ด โดยเจอร์ราร์ดวัย 40 ปี ลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลทั้งสิ้น 710 นัด คว้าถ้วยรางวัลสำคัญทั้งสิ้น 9 รายการรวมถึงถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกด้วย โดยอดีตกองกลางของลิเวอร์พูลเป็นคนเดียวในลิสต์ถูกแต่งตั้งที่ไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกและนับถึงตอนนี้เป็นเพียงนักเตะของลิเวอร์พูลคนเดียวที่อยู่ในรายชื่อหอเกียรติยศ และสำหรับ เดวิด เบ็คแฮม นั้นเป็นผู้เล่นคนที่สามของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต่อจากอดีตนักเตะที่ถูกแต่งตั้งไปแล้วอย่าง รอยคีน และ เอริค คันโตน่า

เส้นทางของ สตีเวน เจอร์ราร์ด สู่หอเกียรติยศ

      ทั้ง แฟรงค์ แลมพาร์ด เดนนิส เบิร์กแคมป์ อลัน เชียร์เรอร์ และเธียรี่ อองรี ต่างเป็นผู้เล่นที่อยู่ในหอเกียรติยศ สตีเวน เจอร์ราร์ดอาจไม่ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียลีกซึ่งอาจดูแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆ แต่เขากลับสร้างความประทับใจในการคัดเลือกผู้เล่นเข้าสู่หอเกียรติยศและได้รับเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลทั้งสิ้น 17 ปีในแอนฟิลด์ เจอร์ราร์ดเริ่มสวมปลอกแขนกัปตันทีมเมื่อปี 2003 และเป็นผู้เล่นคนสำคัญในการพาทีมความแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกในปี 2005 โดยในนัดชิงที่พบกับเอซีมิลานในอิสตันบูลเขายิงประตูตีไข่แตกหลังจากที่ทีมตามอยู่ 3-0 และจบเกมส์ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายคว้าชัยไปในการดวลจุดโทษ หลังจากที่ออกจากลิเวอร์พูล สตีเวน เจอร์ราร์ดย้ายไปเล่นในเมเจอร์ลีกอเมริกากับทีมแอลเอแกเล็กซี่และไม่นานหลังจากนั้นในเดือนพฤษภาคม2018เจ้าตัวก็เปลี่ยนบทบาทมาเป็นโค้ชให้กับทีมกลาสโกว เรนเจอร์สในลีกสก็อตแลนด์ และในฤดูกาลนี้เขานำพาลูกทีมคว้าแชมป์ลีกในรอบ 10 ปีและยังเป็นการคว้าแชมป์แบบไม่แพ้ทีมใด

เส้นทางสู่หอเกียรติยศที่คล้ายกันของสองผู้เล่นอดีตทีมชาติอังกฤษ เดวิด เบ็คแฮม และ สตีเวน เจอร์ราร์ด

      หลังจากการใส่ชื่อของ สตีเวน เจอร์ราร์ดแล้วไม่นานจากนั้นก็มีชื่อของ เดวิด เบ็คแฮม อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษของเขาตามมาในหอเกียรติยศด้วย โดย เดวิด เบ็คแฮม สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของบรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน หลังจากนั้นเบ็คแฮมได้ย้ายไปร่วมทีม เรอัลมาดริด แอลเอแกแล็กซี่ เอซีมิลาน ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับปารีสแซงแชร์กแมงในปี 2013 ทว่าเดวิด เบ็คแฮมไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้ตนเองเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการกีฬา แต่ช่วงที่เขาเล่นเขายังได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นชาวอังกฤษเพียงคนเดียวที่คว้าแชมป์ได้ใน4ประเทศ คือ แชมป์ลาลีกาสเปนและโคปาเดอเรย์ แชมป์ลีกเอิง แชมป์ MLS Cupกับแอลเอแกเล็กซี่ และช่วงเวลาที่คว้าแชมป์มากที่สุดตอนอยู่กับยูไนเต็ดได้แก่ แชมป์พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพและยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก