ประวัติมวยไทย vs มวยสากล และความแตกต่างที่คอมวยต้องรู้ !
กีฬามวยได้รับความนิยมจากคนทุกยุคทุกสมัยมาเป็นเวลานาน เพราะช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง สร้างความแกร่งทั้งกายและใจ ได้รูปร่างที่สวยงาม มีกล้ามเนื้อช่วงแขนและหน้าท้องที่ได้รูปสวยงาม ทั้งยังเป็นกีฬาที่สร้างแรงบันดาลใจไปสู่ศิลปะการต่อสู้ในรูปแบบอื่น ๆ ที่มีการนำท่าทางของกีฬามวยไปผสมผสาน จึงถือว่าเป็นกีฬาที่ให้ประโยชน์แบบรอบด้าน และมีการแข่งขันอย่างเป็นทางการในระดับโลก เพื่อพัฒนาจากการฝึกฝนร่างกายไปสู่การเป็นนักมวยมืออาชีพที่สร้างรายได้ดีเยี่ยมในอนาคต
ประวัติความเป็นมาของมวยไทย
ประวัติมวยไทยเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย มีการบันทึกไว้ถึงการนำมาใช้ฝึกฝนเป็นศิลปะป้องกันตัว ทั้งยังถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรของกษัตริย์เพื่อการฝึกตนเองให้เป็นนักรบที่สามารถนำทหารไปต่อสู้ได้อย่างกล้าหาญ ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 1781 ได้มีการก่อตั้งสำนักสมอคอนที่ลพบุรี โดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ส่งพระโอรสไปทำการฝึกฝนเป็นเวลานาน โดยในการฝึกนั้นมีทั้งมวยไทยและการใช้อาวุธต่าง ๆ เพิ่มเติม
ซึ่งหลักฐานนี้ค้นพบมาจากตำราพิชัยสงครามของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จนกระทั่งมาถึงช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา มีประวัติอย่างชัดเจนว่าพระนารายณ์มหาราชได้ส่งเสริมการกีฬาในหลากหลายรูปแบบให้กับประชาชนและผู้คนในรั้ววัง โดยเฉพาะการฝึกฝนมวยไทย จนเกิดเป็นค่ายมวยจำนวนมาก พร้อมการแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบที่เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่จะเป็นการต่อสู้ของผู้ที่มองว่ามีฝีมือในระดับเดียวกัน ช่วงเวลานั้นจึงยังไม่มีกำหนดเรื่องรูปร่างและน้ำหนักในการขึ้นชกแต่อย่างใด จากนั้นกีฬามวยของไทยก็ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมาของมวยสากล
ประวัติมวยสากลจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับของประเทศไทย คือ การต่อสู้ในรูปแบบไร้ซึ่งอาวุธของกลุ่มทหารที่สู้กันจริงภายในสนามรบ จนกระทั่งถูกพัฒนาให้มาเป็นเกมกีฬาเพื่อการแข่งขันและกลายเป็นกีฬาโอลิมปิก แต่มวยสากลในยุคก่อนจะเน้นการต่อสู้ที่ใช้เรื่องทักษะและความเหมาะสมเท่านั้น ไม่มีการชั่งน้ำหนัก ไม่มีการวัดรูปร่างและจะต้องสวมใส่เพียงแค่กางเกงในการต่อสู้เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการพกอาวุธ ซึ่งจะมีความคล้ายกับมวยของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งในช่วงปี พ.ศ. 2236 ได้มีการกำหนดกติกาของการชกมวยสากลไว้อย่างชัดเจนจากนาย James Figg ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการต่อสู้ด้วยมือเปล่า การสร้างกติกานี้เป็นการให้กำเนิดนวมและกฎ-กติกาต่าง ๆ ที่ถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน แต่ผู้ที่ประกาศให้นำนวมมาใช้อย่างเป็นทางการ คือ John L. Sulrivan ผู้ชนะเลิศด้านการชิงแชมป์มวยมือเปล่าที่ได้ร่วมออกกฎให้นักมวยใช้นวมในการต่อยและไม่จำเป็นต้องใช้มือเปล่าอีกต่อไป จึงทำให้เริ่มพัฒนากฎและกติกาต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยมาจนถึงปัจจุบัน
ความแตกต่างของมวยไทยและสากล
แม้ว่ากีฬามวยของทั้งไทยและสากลจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน มีการปล่อยหมัดและกติกาที่แทบจะเหมือนกันทั้งหมด แต่ก็มีความแตกต่างที่สามารถเห็นได้ชัดอยู่หลายจุดด้วยกัน ดังนี้
1.การขึ้นชกมวยไทยจะใช้เวลาในการชกเพียงแค่ 5 ยกเท่านั้นและจะชกเพียงแค่เวลา 3 นาที พัก 2 นาทีต่อยก แต่สำหรับมวยสากลจะชกโดยรวมที่ 12 ยก แต่ละยกจะอยู่ที่ 3 นาที และพัก 2 นาทีเช่นกัน ดังนั้นแบบสากลจึงต้องใช้พละกำลังที่มากกว่า
2.มวยไทยจะมีท่าทางหรือที่เรียกว่า “แม่ไม้มวยไทย” ที่หัวใจหลักเป็นทั้งหมัด, ศอก, เข่า และหน้าแข้ง สามารถยกขาเพื่อเตะหรือกันคู่ต่อสู้ได้ แต่ในขณะเดียวกันมวยสากลจะใช้ได้เพียงแค่หมัดเท่านั้น จะออกอาวุธแบบแม่ไม้ของมวยไทยไม่ได้ แต่จะใช้วิธีการโยกหลบหรือหลอกล่อคู่ต่อสู้ได้
3.การครบยกเร็วของมวยไทย ทำให้ต้องใช้ความคิดและการวางแผนที่รวดเร็วเพื่อแก้เกมให้ได้ทันเวลา แต่สำหรับการต่อยแบบสากลจะมีถึง 12 ยก จึงมีเวลาในการวางแผนได้นานกว่า
4.การชกมวยของไทยในบางเวทีใช้เป็นเพียงแค่การมัดเชือกไว้ที่มือทั้งสองข้าง ส่วนที่หน้าแข้งจะมีการพันผ้าอีกเล็กน้อย สำหรับการชกในภาคเหนือจะถูกเรียกว่ามวยคาดเชือกที่จะนำเชือกมาพันมือไว้แทนนวม แต่สำหรับสากลแล้วจะต้องใช้เป็นนวมเท่านั้น
ประโยชน์ของกีฬามวย
เมื่อมวยกลายมาเป็นกีฬายอดนิยมของใครหลายๆ คน ทำให้มีผู้ที่สนใจจะศึกษากีฬาประเภทนี้กันมากขึ้น ดังนั้นลองมามาดูประโยชน์ของกีฬามวยที่มีดังต่อไปนี้
- ฝึกความคิดที่มีความว่องไวในการแก้เกมและความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว จะต้องดูคู่ต่อสู้ให้ขาดภายใน 1-2 ยก เพื่อแก้เกมให้ได้แล้วกลับมาสู่ชัยชนะอีกครั้ง
- การฝึกฝนเป็นประจำและสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายมีความแข็งแรง จึงลดปัญหาเรื่องการบาดเจ็บได้ดี
- มวยเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้คุณดูแลตัวเองและปกป้องผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ใดก็ตาม คุณจะแก้ไขสถานการณ์ได้รวดเร็วแน่นอน
สำหรับผู้ที่สนใจกีฬามวยและต้องการจะฝึกฝน เพื่อให้ได้ร่างกายที่แข็งแรงและมีทักษะที่ดี ควรเริ่มฝึกจากผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านหรือครูฝึก เพื่อทำให้คุณออกกำลังกายและใช้ทุกส่วนภายในร่างกายอย่างถูกต้อง ลดอาการบาดเจ็บร้ายแรงและไม่ทำร้ายสุขภาพของคุณมากเกินไป พร้อมทำให้คุณมีรูปร่างที่ดูดีและแข็งแรงอยู่เสมอ