ประวัติความเป็นมาของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส 

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม ปีคริสตศักราช 1973 ที่เมืองคาร์นล็อก ประเทศไอร์แลนด์เหนือ ในสมัยที่เป็นนักฟุตบอล เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไม่ประสบความเท่าไรนัก เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บบริเวณหัวอย่างรุนแรง แต่ด้วยความรักในกีฬาฟุตบอล เขาจึงได้รับงานเป็นโค้ชให้กับเรดดิ้ง ก่อนจะเดินทางไปศึกษาเทคนิคการเป็นโค้ชที่ประเทศสเปน และได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมเชลซี ชุดอายุไม่เกิน 18 ปี ในปีคริสตศักราช 2004 หลังทำหน้าที่ได้ราว 4 ปี เขาได้รับการติดต่อให้ทำหน้าเป็น ผู้จัดการทีม ให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก กับทัพแตนอาละวาด วัตฟอร์ด ที่ในเวลานั้นกำลังอยู่ในเดอะแชมป์เปี้ยนชิพ และ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็สามารถพาทีมที่รั้งตำแหน่งบ๊วยของตารางคะแนนในเดือนมกราคม กลับมาจบฤดูกาลด้วยอันดับ 13 ได้สำเร็จ นั่นจึงทำให้เขาได้รับการติดต่อจากเรดดิ้ง ให้ไปคุมทัพแทนที่ของ สตีฟ คอปเปอร์ แต่ด้วยผลงานที่ย่ำแย่ ทำให้เขาต้องแยกทางกับทีมอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เพิ่งเริ่มรับงานได้เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น และแล้ว เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็สามารถสร้างชื่อได้อย่างเต็มภาคภูมิ ในฤดูกาล 2010-2011 หลังพาทัพหงส์ขาว สวอนซี เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่เวที พรีเมียร์ลีก แถมยังพาทีมทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจบนลีกสูงสุด นั่นจึงทำให้เขาได้รับตำแหน่ง ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในเวลาต่อมา ซึ่งที่นี่ผลงานของเขาก็ไม่ธรรมดา เกือบพาทัพหงส์แดง คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2013-2014 หลังจบด้วยอันดับ 2 ตามหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 2 แต้ม ก่อนจะต้องอำลาทีมในช่วงเดือนตุลาคม ปีคริสตศักราช 2015 หลังทำผลงานได้ไม่ร้อนแรงเหมือนเก่า

การกลับมาอีกครั้งของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส 

หลังจากที่ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่ง ผู้จัดการทีมของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ชื่อของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็เงียบหายไปเกือบปีก่อนจะมาได้รับงานคุมทัพม้าลายขาวเขียว กลาสโกลว์ เซลติก สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลสก็อตแลนด์ ในฤดูกาล 2016-2017 และที่นี่ตัวเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังพาทีมกวาดแชมป์ทุกรายการภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์สก็อตติช พรีเมียร์ลีก 2 สมัย , สก็อตติช คัพ 2 สมัย และ สก็อตติช ลีก คัพ อีก 3 สมัย ผลงานอันยอดเยี่ยมดังกล่าว ทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้หวนกลับมายังพรีเมียร์ลีก อีกครั้ง และครั้งนี้เขาได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ ผู้จัดการทีม ของทัพจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2019 แทนที่ของ โคลด ปูแอล ซึ่งเขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้แฟนบอลทุกคนได้เห็นว่า ฝีไม้ลายมือในการคุมทัพของเขาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หลังพาทัพจิ้งจอกสยาม จบฤดูกาล 2019-2020 ด้วยอันดับ 5 ของตารางคะแนน คว้าสิทธิ์ไปลุยศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จ ขณะที่ในฤดูกาล 2020-2021 ผลงานของเลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทัพของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ยังคงยอดเยี่ยมเปลี่ยนแปลง หลังเขาพาทีมก้าวขึ้นมาเกาะกลุ่มหัวตารางได้อย่างน่าชื่นชม แถมยังเคยพาเลสเตอร์ ซิตี้ ผงาดขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนนอยู่ช่วงนึงอีกด้วย แม้ว่าตลอดช่วงที่ผ่านมา เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะยังไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จใดๆ ได้เลย แน่นี่ก็นับเป็นผลงานที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก