ราฟาเอล เบนิเตซ(Rafael Benítez) กุนซือมากประสบการณ์ล่าสุด ได้ถูกโค่นเก้าอี้พ้นตำแหน่งแล้ว หลังคุม เอฟเวอร์ตัน(Everton) ได้เพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น ซึ่งเป็นอีก ข่าวกีฬารอบโลก ที่จับตามองอย่างยิ่ง ว่าท้ายที่สุดแล้วท๊อฟฟี่สีน้ำเงินจะได้ผู้จัดการทีมคนใดมาสวมรอยแทน สำหรับต้นเหตุที่ทำให้เบนิเตซต้องพ้นจากตำแหน่งนั้น คงหนีไม่พ้นการคว้าชัยเพียง 1 เกม จาก 5 เกม ซึ่งก่อนหน้านั้นท๊อฟฟี่สีน้ำเงินไม่สามารถเอาชนะทีมใดได้เลย 8 นัดรวด ส่งผลให้ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ในตอนนี้อยู่ในอันดับที่ 16 มี 19 แต้ม รอดโซนตกชั้นอยู่ 2 อันดับ

ราฟาเอล เบนิเตซ กับความสำเร็จเส้นทางกุนซือ ที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้

         ราฟาเอล เบนิเตซ(Rafael Benítez) ในวัย 61 ปี เชื่อหรือไม่ว่าในเส้นทางผู้จัดการทีมฟุตบอล ตั้งแต่ปี 1979 เจ้าตัวมีโอกาสได้คุมทีมมาแล้วถึง 15 ทีม ตั้งแต่ทีมชาติเยาวชนไปถึงสโมสรระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นใน ลาลีก้า สเปน ในช่วงปี 2002-2004 เบนิเตซประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดกับ บาเลนเซีย(Valencia) ในการคว้าแชมป์ลาลีก้า สเปน 2 สมัยติดต่อกัน และแชมป์ยูฟ่าคัพ 2003/2004 ก่อนที่จะตัดสินใจโยกย้ายมาคุมลีกอันดับ 1 ของโลกอย่าง พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ภายใต้สโมสรชื่อดังอย่าง ลิเวอร์พูล(Liverpool) แน่นอนว่าเบนิเตซประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในเส้นทางนี้กับการพาหงส์แดงคว้าแชมป์สุดยิ่งใหญ่ถึง 4 แชมป์ ได้แก่ เอฟเอคัพ, คอมมิวนิตีชีลด์, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ และ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หลังจากนั้นเจ้าตัวก็โบกมือลาเกาะอังกฤษแล้วไปคุมลีก กัลโช่ เซเรีย อา อย่างงูใหญ่ อินเตอร์มิลาน(Inter Milan) ซึ่งเขามีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา และ ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ในฤดูกาล 2010 หลังจากนั้นไม่นานเบนิเตซก็กลับมาคุมทีมในเกาะอังกฤษอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เขามาในฐานะกุนซือชั่วคราวของ เชลซี(Chelsea) และมีส่วนช่วยพาสิงโตน้ำเงินครามคว้าแชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก 2012/2013 ก่อนที่ผลงานสุดนั้น เจ้าตัวจะกลับมาคุม นาโปลี(Napoli) ในอิตาลีอีกครั้ง และพาสโมสรก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จสูงสุด ด้วยการคว้าแชมป์โกปปาอีตาเลียและซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา ในช่วงปี 2013-2014 ก่อนที่ผลงานหลังจากนั้นจะค่อย ๆ ดร็อปลงกับทั้งกับ เรอัลมาดริด(Real Madrid) และ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด(Newcastle United) ก่อนจะมาจบลงกับท็อฟฟี่สีน้ำเงินและไม่ประสบความสำเร็จเช่นเคย

ราฟาเอล เบนิเตซ กับมุมมองฟุตบอลในปัจจุบัน