มาทำความรู้จักกีฬา เบสบอล กัน

เบสบอล

กีฬาเบสบอล กีฬาที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่าเป็นกีฬายอดฮิตที่สามารถจัดการแข่งขันขึ้นมาเป็นลีกได้ วันนี้เราจะพาทุกท่านมาความรู้จักกับกีฬาชนิดนี้ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประวัติ เบสบอล วิธีการเล่นเบสบอลและกติกาเบสบอลแบบฉบับเข้าใจง่ายกัน

ประวัติความเป็นมาของ เบสบอล

ประวัติเบสบอลนั้นต้องย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 18 ประวัติเบสบอลเริ่มต้นขึ้น ณ เมือง Cooperstown ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1839 เบสบอลถูกประดิษฐ์ขึ้นโดย Abner Doubleday แต่ก็มีข้อมูลว่าจริง ๆ แล้วประวัติเบสบอลอาจเกิดมาจากเกมที่มีชื่อว่า Rounders ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยบุคคลที่ดัดแปลงคือ Alexander Cartwright และในปี ค.ศ. 1871 ได้มีการก่อตั้งสมาคมวิชาชีพแห่งแรกขึ้นมาและต่อมาในปี ค.ศ. 1876 ได้มีการจัดตั้ง National League เกิดขึ้น จนในที่สุดกีฬาเบสบอลก็ได้รับความนิยมในช่วงปลายของศตวรรษที่ 19 และได้ถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน

เบสบอล

กติกาฉบับเข้าใจง่าย

เบสบอล ถือเป็นกีฬาที่มีกติกาและวิธีการเล่นเบสบอลที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ซึ่งวันนี้เราจะมาอธิบายกติกาเบสบอลฉบับง่ายกัน

  1. ผู้เล่นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมละ 9 คน ผลัดกันเล่นรุกและรับสลับกันไป
  2. คะแนนของกีฬาชนิดนี้จะได้รับจากการเล่นในฝ่ายรุก
  3. กีฬาชนิดนี้จะไม่มีการจับเวลา แต่จะแบ่งการเล่นเป็นรอบ (สลับกันรุกและรับ = 1รอบ) โดย 1 รอบเรียกว่า 1 อิ่นนิ่ง (inning)  
  4. ผลัดกันรุกผลัดกันรับจนครบ 9 อิ่นนิ่ง หากทีมฝั่งไหนได้คะแนนมากกว่าเป็นฝ่ายชนะ
  5. ฝ่ายรุกสามารถเปลี่ยนคนตีหรือแบตเตอร์ได้ตลอดเวลา แต่คนที่ถูกเปลี่ยนออกจะไม่สามารถกลับมาเล่นใหม่ได้

และนี้คือกติกาเบสบอลฉบับง่ายไม่ซับซ้อน และต่อจากกติกาเบสบอลจะเป็นการแนะนำวิธีการเล่นเบสบอลของผู้เล่นฝ่ายรับและฝ่ายรุกกัน

วิธีการเล่นเบสบอล

กีฬาเบสบอล เป็นกีฬาประเภททีมซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายรุกและฝ่ายรับ แต่ละฝั่งจะมีผู้เล่นทั้งหมด 9 คน โดยวิธีการเล่นเบสบอลและตำแหน่งของผู้เล่นเบสบอลจะถูกแบ่งออกดังนี้

วิธีการเล่นของฝ่ายบุก

  1. ฝ่ายรุก ต้องส่งผู้เล่นมาตีลูก มีชื่อเรียกว่า “แบตเตอร์” ซึ่งฝ่ายรุกต้องกำหนดชื่อไว้ก่อนและส่งลงมาตามลำดับ
  2. ผู้เล่นฝ่ายรุกต้องพยายามตีลูกให้โดน เพื่อให้ลูกเข้าไปอยู่ในพื้นที่เล่น ก่อนจะออกตัววิ่งไปหยุดบนจุดบนสนามที่เรียกว่า เบส โดยเบสมีทั้งหมด 4 เบส 
  3. เมื่อแบตเตอร์ที่ตีลูกโดนวิ่งไปยังเบสได้ แบตเตอร์คนใหม่จะเข้าสู่สนามเพื่อมาตีลูกแทน
  4. หากแบตเตอร์ตีลูกไม่โดน จนผู้ตัดสินขาน Strike ครบ 3 ครั้ง ผู้เล่นคนนั้นจะต้องออกจากสนาม แล้วฝ่ายรุกจะต้องส่งแบตเตอร์คนใหม่ลงมาตี
  5. หากผู้เล่นฝ่ายรุกออกทั้งหมด 3 คน จะทำการสลับจากฝ่ายบุกเป็นฝ่ายรับทันที

วิธีการเล่นของฝ่ายรับ

ฝ่ายรับมีหน้าที่ป้องกัน ไม่ให้ฝ่ายรุกทำคะแนนได้หรือกันไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายรุกวิ่งไปยังเบสได้ทัน โดยตำแหน่งของผู้เล่นฝ่ายรับในเบสบอลมีด้วยทั้งหมด 9 ตำแหน่ง ได้แก่ 

ตำแหน่งและหน้าของผู้เล่นฝ่ายรับ

  1. พิทเชอร์ (Pitcher): คนรับลูกเบสบอล
  2. แคชเชอร์ (Catcher): เป็นคนขว้างลูกให้พิชเชอร์รับ
  3. เฟิร์สเบส (First baseman)
  4. เซคันด์เบส (Second baseman)
  5. เธิร์ดเบส (Third baseman)
  6. ชอร์ทสตอป (Short Stop)
  7. เลฟฟิลด์ (Left Out Fielder)
  8. เซนเตอร์ฟิลด์ (Center Out Fielder)
  9. ไรท์ฟิลด์ (Right Out Fielder)

ตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของฝ่ายรับคือตำแหน่งที่ 1 และ 2 โดยตำแหน่งที่เหลือจะถูกเรียกว่าฟิลเดอร์ (Fielder) ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ทำหน้าที่คอยประจำตำแหน่งต่าง ๆ ในสนาม

การนับคะแนน เบสบอล

การนับคะแนนกีฬาเบสบอล เกิดจากการที่ผู้เล่นฝ่ายบุกหนึ่งคนสามารถวิ่งจากเบสที่หนึ่งกลับไปโฮมเบส (จุดที่พิทเชอร์อยู่) ได้สำเร็จ จะถูกนับเป็นหนึ่งแต้ม ซึ่งการตี “Home Run” หรือการตีลูกออกนอกสนามอาจทำให้ฝ่ายรุกได้คะแนนมากถึง 4 แต้ม 

sportyrelax เว็บไซต์รวมกีฬา ข่าวสารสาระเกี่ยวกับ กีฬารอบโลก

KINGNBA อัพเดทข่าวสารวงการกีฬาบาสเกตบอล ผลบาส ผลบาสทั่วโลก