สำหรับใครที่เป็นคนเล่นกีฬา หรือชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจการเกิด อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา ก็คงจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติใช่ไหมคะ แต่ที่จริงแล้วหากอาการบาดเจ็บเกิดบ่อยจนเกินไป หรือมีการบาดเจ็บทุกครั้งที่เล่นกีฬาอันนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแล้วนะคะ เพราะแท้จริงแล้วอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถป้องกันได้ โดยเฉพาะใครที่กำลังจะเดินเข้าสู่สายการเป็นนักกีฬาเต็มตัว ร่างกายของคุณมีค่ายิ่งกว่าทองคำ ดังนั้นคุณจึงอย่าละเลยการใส่ใจร่างกายของคุณเป็นเด็ดขาด
อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา ที่พบได้บ่อย
อย่างที่เราได้เกริ่นไปแล้วว่า อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา นับว่าเป็นสิ่งที่เหล่านักกีฬา หรือคนที่ออกกำลังกายมักจะเจอได้แทบทุกคน แล้วทุกคนรู้ไหมคะว่า การบาดเจ็บที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง เราจึงได้รวบรวมข้อมูลทั้งอาการบาดเจ็บที่พบได้บ่อย วิธีป้องกัน รวมไปถึงวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาฝากทุกคนแล้ว ซึ่งแต่ละข้อจะมีข้อมูลที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง และคุณจะสามารถนำปรับมาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงใช้สังเกตอาการการบาดเจ็บของตัวเองยังไงได้บ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ
4 อาการบาดเจ็บจากการกีฬาที่พบได้บ่อย
สำหรับอาการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยนั้นนายแพทย์อดินันท์ อภิวัฒน์การุญ ศัลยแพทย์ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การกีฬาและข้อไหล่ ได้ให้ข้อมูลไว้ว่าอาการบาดเจ็บจากการกีฬาที่พบได้บ่อยนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 4 อาการด้วยกัน ซึ่งแต่ละอาการจะเกิดได้จากอุบัติเหตุระหว่างการเล่นกีฬา หรือเกิดจากการบาดเจ็บเรื้อรัง ดังนี้
- การบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อน (เกิดรอยช้ำ) ซึ่ง สาเหตุของการบาดเจ็บ คือการกระแทกหรือการปะทะ และนอกจากรอยช้ำแล้ว จะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น บวม ปวด หรือ แดง เป็นต้น
- การอักเสบหรือฉีกขาดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น เกิดจากการที่ใช้งานกล้ามเนื้อหรือเอ็นหนักเกินไป เช่น การไม่อบอุ่นร่างกายอย่างถูกต้องก่อนออกกำลังกาย
- ข้อต่อและเอ็นยึดข้อต่อบาดเจ็บ อาการที่เอ็นเกิดการฉีกขาด ซึ่งจะเกิดหลังการบาดเจ็บหรือการปะทะที่ค่อนข้างรุนแรง
- กระดูกหัก จะสามารถหักได้ทั้งแบบเปิด, แบบปิด และกระดูกหักจากแรงกระทำซ้ำ ๆ ที่มักจะพบได้บ่อยบริเวณกระดูกหน้าแข้ง, กระดูกเท้า หรือ กระดูกสันเท้า เป็นต้น
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บขณะเล่นกีฬา
การศึกษาหรือหา วิธีป้องกันอาการบาดเจ็บ จากการเล่นกีฬานับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬาได้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บนั้นจะเกิดได้จากทั้งระหว่างการเล่นกีฬา และเกิดจากการบาดเจ็บเล็กน้อยซ้ำที่เดิม ซึ่งหากปล่อยไว้นาน ๆ จะทำให้เกิดปัญหาลุกลามจนบางคนอาจต้องหยุดเล่นกีฬาเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ปฏิบัติดังนี้
- มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับชนิดของกีฬาที่เล่น เพราะหากคุณศึกษาเกี่ยวกับกีฬาชินนั้น ๆ ก่อนเริ่มเล่นก็จะทำให้ลดอุบัติเหตุในการเล่นกีฬาชนิดนั้น ๆ ได้ด้วย
- วอร์มอัพแอนด์คูลดาวน์ 10 – 15 นาทีก่อนและหลังเล่นกีฬาเสมอ และความจะต้องปฏิบัติด้วยขั้นตอนที่ถูกต้อง
- แต่งกายให้เหมาะสมกับชนิดของกีฬาที่เล่น เช่น วิ่ง ก็ควรสวมใส่ชุดที่มีความกระชับ พอดีตัว ไม่รุงรัง เพราะอาจจะทำให้สะดุดล้มได้
- ดื่มน้ำให้เพียง เพราะการเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายเสียเหงื่อและน้ำในร่างกายเป็นจำนวนมาก หากไม่ดื่มน้ำให้เพียงพอก็จะทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำ
- หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ หรือรับบริการฟื้นฟูร่างกายด้วยเวชศาสตร์การกีฬาเพื่อเป็นการซ่อมแซมร่างกายหลังจากการเล่นกีฬา หรือได้รับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
หากเกิดการบาดเจ็บต้องปฐมพยาบาลอย่างถูกต้อง
ในกรณีที่เกิด อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา การมีความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะมันจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นลุกลามเป็นอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงได้ เช่นในกรณีที่มีคนขาหัก หากปฐมพยาบาลไม่ถูกวิธีก็อาจจะทำให้หมอไม่สามารถต่อกระดูกให้กลับมาเป็นปกติได้เลย ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเล่นกีฬาหรือไม่ การศึกษา วิธีปฐมพยาบาล ที่ถูกต้องไว้เป็นความรู้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
นอกจากนี้หลังจากที่คุณเล่นกีฬาแล้ว เกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้ นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณควรจะรีบไปพบแพทย์ด้วย เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจจะไม่สามารถรอให้หายได้เองแล้ว
- อาการที่สงสัยว่าอาจจะก่อให้เกิดการติดเชื้อ เช่น มีอาการปวด บวม แดง ร้อน หรือเป็นอาการบวมช้ำที่ผิดไปจากปกติ
- อาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดจากกระดูกแตก หัก หรือเคลื่อน
- อาการบาดเจ็บที่ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ หรือใช้ชีวิตลำบากยิ่งขึ้น
- ไม่สามารถเหยีอด หรืองอข้อต่าง ๆ ได้
ซึ่งการรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน และไม่ได้หมายความว่าจะต้องผ่าตัดเสมอไป โดยเฉพาะหากเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง วิธีในการรักษาในการแพทย์สมัยใหม่ก็จะมีตัวเลือกในการรักษาหลากหลายวิธีด้วยกัน อีกทั้งขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผู้รักษาด้วย ดังนั้นใครที่กลัวหมอ หรือการผ่าตัดไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้วนะ